หากย้อนความไปสมัยก่อนที่ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล จะเกรียงไกรดั่งเช่นในปัจจุบันนี้ น่าจะยังจำความรู้สึกแรกในวันที่ ‘จอร์แดน เฮนเดอร์สัน’ ย้ายจาก ‘ซันเดอร์แลนด์’ เข้าสู่รั้วเอนฟิลด์ เพื่อหวังสืบทอดตำแหน่งกัปตันทีมมิตรรักแฟนบอลอย่าง ‘สตีเว่น เจอร์ราร์ด’ ได้เป็นอย่างดี
และกว่าที่ ‘เฮนเดอร์สัน’ จะสามารถซื้อใจ เดอะ ค็อป ได้อย่างทุกวันนี้ ต้องใช้ระยะเวลานานแสนนานเลยทีเดียวเพราะแม้เขาจะพาทีมเถลิงบัลลังก์ถ้วยยุโรปสมัยที่ 6 ก็ยังไม่วายต้องก้มหน้ารับเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ นานา อยู่เลย นับตั้งแต่ที่ ‘เคนนี่ ดัลกลิช’ ซื้อมาจาก แมวดำ เมื่อปี 2011
สมัยนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยอดทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ตกต่ำสุด ๆ และเงิน 20 กว่าล้านปอนด์ที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อดาวรุ่งที่ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันแม้แต่ในยูทูป ก็เป็นสิ่งที่ คิงเคนนี่ ต้องแบกรับความเสี่ยงนี้อย่างมหาศาล ซึ่งแฟนบอลหารู้ไม่ว่าไอเด็กที่ดูไม่มีโหงวเฮ้งคนนี้เอง จะเป็นกัปตันทีมที่พาหงส์แดงชูถ้วยยูฟ่าฯ ในอีก 8 ปีถัดจากนั้น
เบรเดน รอดเจอร์ ที่กุมบังเหียนลิเวอร์พูลอยู่ในขณะนั้น เคยเกือบจะเฉดหัวมิดฟิลด์รายนี้ทิ้งไปแล้ว แต่ติดตรงที่ว่าหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของจอร์แดน ทำให้เขาต้องการพิสูจน์ตัวเองต่อไป จากจะขายทิ้ง กลายเป็นมอบหมายหน้าที่อันยิ่งใหญ่ด้วยปลอกแขนกัปตันทีมในปี 2015 หลังจากที่เจอร์ราร์ดเจรจากับสโมสรไม่ลงตัว จนต้องระเห็จไปอยู่อเมริกาในช่วงแรกของการเป็นกุนซือของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้วางตัว เฮนเดอร์สัน เป็นแกนกลางคนสำคัญของทีม แต่จากสไตล์การเล่นที่ธรรมดาบ้าน ๆ ทั่วไป วิ่งไปรับบอล แปะไปแปะมา ทำให้นอกจากที่เขาจะถูกดูแคลนว่าไม่เหมาะกับตำแหน่งกัปตันทีมแล้ว แฟนบอลยังคิดว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลเลยด้วยซ้ำ
‘ฟ้าหลังฝน’ สวยงามเสมอ Sa gaming 168 เมื่อคล็อปป์ จัดการเซ็น ฟาบินโญ่ เข้าสู่ทีม และปรับบทบาทของ เฮนเดอร์สัน มาเป็น ‘บ็อกซ์ทูบ็อกซ์’ เขาสามารถเติมเกมบุกได้อย่างอิสระ ลูกแทงบอลทะลุช่อง กระชากลากเลื้อยเป็นว่าเล่น จนคล็อปป์ถึงต้องออกมาขอโทษในภายหลังว่าเป็นความผิดของเขาเอง ที่ให้เฮนเดอร์สันเล่นกลางรับในตอนนั้น จากเด็กหนุ่มซันเดอร์แลนด์ สู่กัปตันทีมลิเวอร์พูล จากนักเตะที่ได้รับเสียงก่นด่ามากที่สุดคนหนึ่งในสโมสรในช่วงแรกกลับเป็นคนที่พาทสโมสร ชูถ้วยหูใหญ่ รายการใหญ่สุดของยุโรปได้เมื่อปีก่อน รวมถึงถ้วยแถมระดับบิ๊กเนม อย่าง ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ แชมป์สโมสรโลก และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ‘กัปตันเฮนโด้’ กำลังจะเดินนำลูกทีมขึ้นคล้องเหรียญ ‘แชมป์’ และชู ‘ถ้วยพรีเมียร์ลีก’ แห่งเกาะอังกฤษ ที่ต้องรอคอยมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ที่แม้แต่ตำนานระดับสูงของสโมสรหลายคน ยังไม่เคยทำได้มาก่อน